a |
(1) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"อา" เวลาออกเสียงให้อ้าปากออกกว้างมากที่สุด
และตำแหน่งของลิ้นก็จะอยู่ต่ำสุด
รูปริมฝีปากจะไม่เป็นรูปวงกลม |
o |
(2) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"โอ" เวลาออกเสียงให้อ้าปากกว้างในระดับปานกลาง
ตำแหน่งลิ้นอยู่ในระดับสูงปานกลางค่อนไปข้างหลัง
ริมฝีปากมีรูปลักษณะกลม |
e |
(3) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"เออ" เวลาออกเสียงให้อ้าปากอยู่ในระดับปานกลาง
และตำแหน่งของลิ้นก็จะอยู่ในระดับสูงปานกลางค่อนไปข้างหลัง
รูปริมฝีปากจะไม่เป็นรูปวงกลม |
ê |
(4) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"เอ" เวลาออกเสียงให้อ้าปากแบะออกด้านข้างกว้างกว่าการออกเสียงตัว
"e" และ " นี้ จะสามารถไปผสมกับอักษรแทนเสียงสระตัว
"i" กับ " เป็น "ie" กับ " ได้เท่านั้น |
-i |
(5) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบ
"ยี + อี" เวลาออกเสียงให้อ้าปากอยู่ในระดับน้อยที่สุดและให้ริมฝีปากแบนราบ
ตำแหน่งของลิ้นให้อยุ่ในระดับสูงค่อนมาข้างหน้า
(แต่อย่าเคลื่อนไหวในขณะที่เปล่งเสียงออกมาและให้ริมฝีปากกางออกไปทางด้านข้างทั้งสองด้าน) |
-u |
(6) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"อู" เวลาออกเสียงให้อ้าปากออกน้อยที่สุด
และให้รูปริมฝีปากเป็นรูปวงกลมมากที่สุดตำแหน่งของลิ้นให้ลอยอยู่ในระดับสูงและค่อนไปข้างหลัง
(แต่อย่าเคลื่อนไหวในขณะเปล่งเสียงออกมา
และให้ย่นริมฝีปากเข้าหากัน) |
ü |
(7) ก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมา
จะต้องย่นริมฝีปากเข้าหากันเป็นรูเล็กๆ
(เหมือนกับรูปปากท่าในขณะเป่านกหวีด)
และให้รูปริมฝีปากมีรูปวงกลมเล็กแต่จะไม่ยื่นริมฝีปากออกมาเหมือนกับรูปปากที่เปล่งเสียงตัว
"u" ตำแหน่งของลิ้นค่อนมาข้างหน้ามีลักษณะนูนสูงขึ้นและรูปริมฝีปากจะมีรูปตรงกันข้ามกับรูปปากของการเปล่งเสียงตัว"i"
เสร็จแล้วจึงเปล่งเสียง
"ยี" โดยให้ริมฝีปากยังคงย่นอยู่จนกว่าเสียงจะสิ้นสุดลงเรียบร้อยแล้ว
แล้วจึงเลิกย่นริมฝีปาก
ฉะนั้น เสียงของตัว "
นี้จะไม่ใช่เป็นเสียง
"ยู" หรือ "วี" หรือ "ยิว" อย่างที่หลายคนมักเข้าใจผิดข้อควรระวังคือ
อย่าเลิกย่นริมฝีปากออกเสียก่อนที่เสียงซึ่งเปล่งออกมานั้นยังไม่จบสิ้นลง
เพราะว่าไม่เช่นนั้นแล้วละก็เสียงที่เปล่งออกมานั้นจะถูกริมฝีปากบิดให้ผิดเพี้ยนไปเป็นเสียงที่ไม่ถูกต้องเสียงนี้เวลาออกเสียงค่อนข้างยาก
เพระว่าในภาษาไทยไม่มีเสียงเช่นนี้
คนไทยจึงไม่คุ้นเคยหรือรู้สึกว่ายากแก่การที่จะต้องย่นริมฝีปากเอาไว้ในขณะที่กำลังเปล่งเสียงออกมาจนกว่าเสียงจะสิ้นสุด
แต่ว่าถ้านักศึกษาพยายามฝึกหัดมากหน่อยก็สามารถออกเสียงตัวนี้ได้ถูกต้อง
และจะไม่ยากเมื่อฝึกหัดจนคุ้นเคยแล้วและเวลา
" ไปสะกดกับอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัว
"j" "q", "x" และ "y" แล้วละก็ให้ละจุดสองจุดบนตัว
"u" เป็น "ju" "qu", "xu" และ "yu" ส่วน " ไปสะกดกับอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัว
"n" กับ "l" แล้วละก็ ยังต้องคงจุดสองจุดไว้บน
" เช่น "n กับ " เพราะมิเช่นนั้นแล้วละก็จะไปซ้ำกับพยางค์เสียง
"nu" กับ "lu" (เนื่องจาก "n" กับ
"l" สามารถไปสะกดกับอักษรแทนเสียงสระตัว
"u" ได้ด้วย |
-i |
(8) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"อือ" โดยให้ปลายลิ้นกระดกขึ้นบน
และอักษรแทนเสียงสระตัวนี้จะสามารถสะกดได้กับอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัว
"zh", "ch" , "sh" กับ "r" เป็น zhi |
er |
(9) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"อือ" ก่อนออกเสียงให้ยื่นปลายลิ้นออกไปในแนวราบแล้วใช้ปลายลิ้นยันไว้ตรงบริเวณด้านหลังฟันบนแล้วจึงเปล่งเสียงออกไปพร้อมกับเลื่อนปลายลิ้นห่างออกเล็กน้อย
เสียงนี้จะเป็นเสียงที่เกิดจากการเบียดและเสียดสีกันออกมาอักษรแทนเสียงสระตัวนี้จะสามรถสะกดได้กับอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัว
"z", "c" กับ "s" เป็น "zi กับ เท่านั้น |
ai |
(10) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"อาร์+กระดกลิ้นขึ้นบน+เออ"
เน้นเสียงหนักที่ "อาร์
(กระดกลิ้น)" แล้วจึงลงด้วย
"เออ" เบาๆ |
-ei |
(11) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่าง
"อา+อี" ให้เป็นเสียงเดียวกัน
ฟังดูเผินๆ ก็จะเป็น
"อาย+อี" (ควบให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว)
|
ao |
(12) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่าง
"เอ+อี" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว |
ou |
(13) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่าง"อาว+โอ"
ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว |
-ia |
(14) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่าง
"โอว+อู" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว |
-ie |
(15) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบเป็น
"อี+ยา" เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"ya" อ่านว่า "อี+ยา" (อ่านควบให้เป็นเสียงเดียวกัน) |
-ua |
(16) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบเป็น
"อี+เย" ให้เป็นเสียงเดียวและเร็ว
ให้เน้นเสียงหนักที่
"เย" เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"ye" อ่านว่า "เย" |
-uo |
(17) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบ
"อู+วา" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงว่า
"wa" อ่านว่า "อู+วา" (อ่านควบให้เป็นเสียงเดียวกัน) |
-üe |
(18) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบ
"อู+โว" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงว่า
"wo" อ่านว่า "อู+โว" (อ่านควบให้เป็นเสียงเดียวกัน) |
-iao |
(19) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบที่ต้องย่นริมฝีปากก่อนแล้วจึงเปล่งเสียง
"ยี+เอ" (อ่านควบให้เป็นเสียงเดียวกัน)
เขียนเป็นพยางค์ได้ว่า
"yue" ละจุดสองจุดบนตัว "u" |
-iou |
(20) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อี+ยาว" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"yao" อ่านว่า "ยาว" (ให้เป็นเสียงสูงแนวราบตลอด) |
-uai |
(21) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อี+ยิว" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
และเมื่อ "iou" ไปสะกดกับตัวอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัวใดตัวหนึ่งแล้วละก็ให้ตัดตัวอักษรเหลือเพียง
"iu และมีเสียงเทียบเคียงเป็นเสียงควบ
"อี+อิว" เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"you" อ่านว่า "ยิว" |
-uai |
(22) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อู+วาย" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์ เสียงได้ว่า
"wai" อ่านว่า "อู+วาย" (อ่านควบให้เป็นเสียงเดียวกัน) |
-uei |
(23) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อู+เวย" ให้เป็นเสียงเดียวกัน
และเมื่อ "uei"ไปสะกดกับตัวอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัวใดตัวหนึ่งแล้วละก็ให้ตัดตัวอักษรเหลือเพียง
"ui และมีเสียงเทียบเคียงเป็นเสียงควบได้กับเสียง
"อุย+อี" เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"wei" อ่านว่า "เวย+อี" (อ่านควบให้เป็นเสียงเดียวกัน) |
an |
(24) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"อาน" ปลายเสียงขึ้นจมูก
ไม่ใช่เสียง "อัน" |
en |
(25) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"เอิน" ปลายเสียงขึ้นจมูก |
ang |
(26) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"อาง" ปลายเสียงขึ้นจมูก
ไม่ใช่เสียง "อัง" |
eng |
(27) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียง
"เอิง" ปลายเสียงขึ้นจมูก |
-ian |
(28) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อี+เยียน" เขียนเป็นพยางค์เสียงว่า
"yan" อ่านว่า "เยียน" |
-in |
(29) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"ยิน+อิน" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"yin" อ่านว่า "ยิน+อิน" |
-iang |
(30) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อี+ยาง" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"yang" อ่านว่า "ยาง" ให้ปลายเสียงขึ้นจมูก |
-ing |
(31) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"ยิง+อิง" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"ying" อ่านว่า "ยิง+อิง" ให้ปลายเสียงขึ้นจมูก |
-iong |
(32) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อี+ยง" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"yong" อ่านออกเสียงว่า "ยง" |
-uan |
(33) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อู+วาน" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงว่า
"wan อ่านออกเสียงว่า "อู+วาน"
(อ่านควบให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็วเช่นกัน) |
-uen |
(34) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อู+เวิน" ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"wen อ่านออกเสียงว่า "เวิน"
แต่เมื่อ "-uen" ไปสะกดกับอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัวอื่นๆ
แล้วละก็ ให้เหลือเพียง
"un |
-uang |
(35) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อู+วาง" (ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว)
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"wang" อ่านออกเสียงว่า "อู+วาง"
เหมือนเดิมให้ปลายเสียงขึ้นจมูกและเน้นเสียงหนัก
"วาง" มากกว่า |
-ueng |
(36) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"อู+เวิง" (ให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว)
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"weng" อ่านออกเสียงว่า "อู+เวิง"
เหมือนเดิมให้เน้นเสียงหนัก
"เวิง" มากกว่า |
-üan |
(37) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"ย่นริมฝีปากก่อน+ยี+อาน"
(อ่านให้เป็นเสียงเดียวกันและเร็ว)
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"yuan" อ่านออกเสียงว่า "ย่นริมฝีปากก่อน+ยี+อาน"
เหมือนเดิมแล้วละจุดสองจุดบนตัว
"u" ไว้ในฐานที่เข้าใจ
"- นี้จะสามารถไปสะกดกับอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัว
"j" , "q", "x" และ "y" เป็น "juan", "quan", "xuan" และ "yuan"
ได้เท่านั้น |
-ün |
(38) มีเสียงเทียบเคียงได้กับเสียงควบระหว่างเสียง
"ย่นริมฝีปากก่อน+ยิน"
(จะต้อยย่นริมฝีปากตลอดเวลาในณะที่เปล่งเสียงออกมา
จนกว่าเสียงจะสิ้นสุดลงเรียบร้อยแล้ว
จึงจะเลิกย่นริมฝีปากได้)
เขียนเป็นพยางค์เสียงได้ว่า
"yun" แล้วละจุดสองจุดบนตัว
"u" ไว้ในฐานที่เข้าใจ
" นี้ จะสามารถไปสะกดกับอักษรแทนเสียงพยัญชนะตัว
"j", "q", "x" และ "y" เป็น "jun", "qun", "xun" และ "yun" ได้เท่านั้น |