imga0444.jpg

old home
Activities
BWCS
WEBBOARD
KING&QUEEN
BWCS NEWS
Chinese Academics
ANUBAN CHILD
INFO NEWS
Programs
SPORT
Activities
Buddha Bless
Calendar Plan
Links
Contact Us
Programs

โรงเรียนบูรพาชลบุรี
 
รหัสโรงเรียน    รหัส 17 หลัก
20100124          12120122001640013
KIDNERGARDEN, BURAPHAWITTAYA, BWCS

.

โรงเรียนอนุบาลในฝรั่งเศส

โรงเรียนอนุบาลที่นี่จะเป็นของรัฐเกือบทั้งหมด จะมีเอกชนบ้างประปรายประมาณ 10-20% เท่านั้นซึ่งไม่ค่อยอยู่ในความสนใจของผู้ปกครอง ด้วยเหตุผลที่ว่า โรงเรียนของรัฐก็มีประสิทธิภาพมากเพียงพอสำหรับเด็กแล้ว และที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย เรียนฟรีค่ะ


ฝรั่งเศสกำหนดเกณฑ์อายุสำหรับเด็กที่จะเข้าอนุบาลไว้ที่ 3 ขวบ แต่ก่อนส่งลูกเข้าเรียนหนึ่งปี (หมายถึงตอนลูกอายุ 2 ขวบ) คุณพ่อหรือคุณแม่ จะต้องไปติดต่อที่อำเภอ/เขต ฝ่ายการศึกษา เพื่อลงรายชื่อสมัครเรียนก่อนค่ะ

โดยเตรียมเอกสาร สูติบัตร และทะเบียนบ้านไป เพื่อทางเขตจะได้ดูว่าบ้านอยู่ใกล้กับโรงเรียนอะไรมากที่สุด
ที่นี่จะเน้นความสะดวกให้กับพ่อแม่ที่จะต้องส่งลูกตอนเช้า เจ้าหน้าที่จะเลือกโรงเรียนที่เดินไม่เกิน 10 นาทีโดยประมาณ

เมื่อไปลงชื่อไว้แล้วถึงปีที่ต้องเข้าเรียน จะมีหนังสือจากทางเขตแจ้งมาอีกครั้ง เพื่อยืนยันที่นั่งและให้เตรียมความพร้อมสำหรับเด็กที่จะเข้าเรียนระดับอนุบาล ถึงแม้จะทราบล่วงหน้าว่ามีที่นั่งแน่นอน แต่ทุกอย่างต้องมีหลักฐานยืนยันนะคะ เพราะที่นี่ให้ความสำคัญกับเอกสารทุกชนิด หากเกิดมีปัญหาภายหลัง สามารถเอาผิดได้

การเตรียมความพร้อมสำหรับเด็กที่จะเข้าเรียนชั้นอนุบาลของที่นี่ หมายความว่า เด็กทุกคนจะต้องสามารถเข้าห้องน้ำเองได้ คือ ต้องฉี่-อึ ในโถส้วมได้เท่านั้น ต้องไม่ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปไปโรงเรียนนะคะ ถ้าหากลูกของคุณยังไม่สามารถทำเองได้ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเข้าเรียนก็ต้องสละสิทธิ์ไป หรืออาจจะเลื่อนเข้าเรียนในเทอมต่อไปได้ถ้าพร้อม

ที่ฝรั่งเศสจะปิดเทอมเล็กๆ บ่อยมากค่ะ เรียนไปสักเดือนครึ่งหรือสองเดือนโดยประมาณ ก็จะปิด ประมาณ 2-3 อาทิตย์ เป็นอย่างนี้จนปิดเทอมใหญ่ก็ประมาณเดือน กรกฎาคม-กันยายน ไปเลย

ถึงแม้ว่าจะกำหนดเกณฑ์เข้าไว้ที่อายุ 3 ขวบ ก็ไม่ได้ถือเอาเป็นเกณฑ์อายุครบบริบูรณ์เป็นเกณฑ์ตายตัว แต่จะถือเอาปีที่เกิดเป็นหลักในการรับ แต่หากคำนวนแล้ววันเปิดเรียนขาดไปสัก 2-3 เดือนจะครบเกณฑ์นี่เขาจะให้เข้าได้เลยค่ะ

เพราะไม่ต้องการให้เด็กเสียโอกาส แต่ถ้าขาดมากกว่านี้อาจจะต้องให้เข้าปีถัดไป ถ้าหากที่นั่งเต็มนะคะ แต่ถ้าที่นั่งว่างและเด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตามที่กล่าวมาข้างต้น ทางเขตก็จะจัดที่นั่งให้ในปีนั้นเลย

การแต่งตัวของเด็ก ที่นี่จะแต่งแบบอิสระ ไม่มียูนิฟอร์มทั้งหมดทั่วประเทศ ไม่มีการร้องเพลงชาติ ชักธงขึ้นเสา มาถึงตรงนี้หลายท่านคงสงสัยว่า ทำไมโรงเรียนที่ฝรั่งเศสถึงไม่มีการชักธงขึ้นเสา และร้องเพลงชาติเหมือนเมืองไทย เหตุผลที่อาจจะไม่ชัดเจนนัก เป็นเพราะว่าประเทศฝรั่งเศสให้อิสระทางด้านความคิด และมีประชาชนจากหลากหลายประเทศ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส เพื่อป้องกันการแบ่งแยกความคิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ทางราชการจึงกำหนดให้การร้องเพลงชาติ ชักธงขึ้นเสา ทำเฉพาะเพื่อพิธีการทางด้านการทหาร และเหตุการณ์สำคัญเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นผลดีหรือไม่อย่างไรนั้น ขอสงวนความคิดเฉพาะบุคคลไว้นะคะ

การส่งลูกเข้าเรียน ประตูโรงเรียนจะเปิด-ปิดเป็นเวลา คือ ระหว่าง 8.20-8.30 น. ในช่วงเช้า หมายความว่าคุณมาเร็วก็ต้องรอ มาช้ากว่านี้ก็เข้าไปส่งลูกถึงห้องเรียนไม่ได้ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะพาลูกคุณไปส่งถึงห้องเรียนเอง ในแต่ละห้องจะมีนักเรียนอยู่ระหว่าง 20-25 คนโดยประมาณ ต่อครูพี่เลี้ยง 2 คน และครูอนุบาลโดยตรงอีก 1 คน รวมเป็น 3 คน เป็นอย่างน้อยนะคะ

เด็กระดับอนุบาลจะไม่มีงานมาทำที่บ้าน ทางโรงเรียนจะเน้นให้เด็กเข้ากลุ่มทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ทุกอย่างจะทำที่โรงเรียนและจบที่โรงเรียนเท่านั้น จะมีช่วงพักเวลา 10.30 น. ก่อนทานข้าวเที่ยง โดยทางโรงเรียนจะเตรียมผลไม้และเครื่องดื่มไว้ให้เด็ก หรือบางครั้งทางโรงเรียนก็จะแจ้งผู้ปกครอง หากใครต้องการจะร่วมนำผลไม้ไปให้เด็กๆ ไว้ทานที่โรงเรียน ซึ่งแล้วแต่ความสะดวกของผู้ปกครองนะคะไม่ได้บังคับ แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ปกครองก็จะเอาไปค่ะ ทางโรงเรียนอาจจะทำเป็นรายชื่อว่า ใครนำมาวันที่เท่าไหร่ตกเฉลี่ยแล้วเดือนละครั้ง

อาหารเที่ยง คือช่วง 11.30 น. บางครอบครัวไม่ต้องการให้ลูกทานข้าวที่โรงเรียน เพราะว่าคุณแม่ว่างไม่ได้ทำงาน ก็ยังมีเวลามารับลูกไปทานข้าวที่บ้านได้ และต้องพามาส่งในเวลา 13.30 น. ซึ่งต้องมารับส่งตามเวลาที่กำหนดเท่านั้นนะคะ

ส่วนบางครอบครัวคุณแม่ทำงาน หรือไม่ทำงานแต่ต้องการให้ลูกทานข้าวที่โรงเรียน ตรงนี้ค่าอาหารจะต้องจ่ายเองค่ะ แต่การจ่ายค่าอาหารของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรายได้ของครอบครัว ซึ่งทางเขตจะเป็นคนกำหนด โดยดูจากฐานรายได้และค่าใช้จ่ายในครอบครัวเป็นเกณฑ์ และคำนวณออกมาว่าต้องจ่ายในระดับไหน จะเห็นว่าเด็กที่นี่จะมีโอกาสและทุกอย่างที่เท่าเทียมกันทั้งหมด

สำหรับครอบครัวของแม่ปารีสเป็นครอบครัวที่คุณแม่ไม่ได้ทำงาน แต่เลือกให้ลูกทานอาหารที่โรงเรียนด้วยเหตุผลที่ว่า แม่ปารีสเป็นคนต่างชาติไม่ได้เติบโตมาจากเมืองนี้ อาหารการกินที่บ้านลูกๆ ก็จะได้รสชาติในแบบฉบับของแม่คนเดียว เพราะว่าแม่เป็นคนปรุง ถึงแม้ว่าอาหารจะมีทั้งแบบไทยๆ และต่างประเทศบ้างก็จริง แต่รสชาติก็ย่อมต่างกัน

แม่ปารีสจึงเลือกที่จะให้ลูกทานที่โรงเรียน เพื่อต้องการให้ลูกได้สัมผัสรสชาติอาหารที่หลากหลาย เมื่อไปที่อื่นจะได้ไม่มีปัญหาในเรื่องอาหารการกิน และได้เรียนรู้วิธีทานร่วมกับผู้อื่นซึ่งไม่ใช่คนในครอบครัว นอกเหนือจากนั้นแม่ก็จะได้มีเวลาดูแลงานบ้านได้เต็มที่ซึ่งเป็นผลพลอยได้อีกด้วยค่ะ

เมื่อถึงเวลาทานอาหารเที่ยง จะมีเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายสำหรับการดูแลเด็กที่โรงอาหาร โดยครูพี่เลี้ยงจะเป็นคนส่งเด็กไปที่โรงอาหาร ครูอนุบาลเด็กโดยตรงมีหน้าที่เตรียมวางแผนการสอนเด็กเท่านั้นค่ะ หน้าที่แต่ละคนจะถูกแยกไว้ชัดเจนค่ะ ครูพี่เลี้ยงมีหน้าที่ส่งเด็กและรับกลับห้องเมื่อทานข้าวเสร็จ เพื่อเตรียมตัวนอนหลังอาหารเที่ยง

เด็กทุกคนจะต้องนอน ตรงที่นอนของตัวเองที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้ให้ ถ้าไม่นอนก็ต้องอยู่ในความสงบไม่ส่งเสียงรบกวนคนอื่น (แต่เด็กส่วนใหญ่ก็จะนอนเพราะทานอิ่มก็ต้องง่วง) จะให้เด็กนอนหลังอาหารเที่ยงประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นก็มาทำกิจกรรม ซึ่งแล้วแต่ครูจะวางแผนให้เด็กทำกิจกรรมอะไร แต่ส่วนใหญ่แล้ว ก่อนเวลากลับบ้าน 16.30 น. ถ้าฝนไม่ตกเด็กจะต้องออกไปเล่นในสนามของโรงเรียนนะคะ ถึงเวลารับกลับประตูโรงเรียนจะเปิด-ปิดเวลา 16.20-16.30 น. หากพ่อแม่เด็กมารับช้าจากเวลานี้เล็กน้อย เด็กก็จะไปอยู่อีกห้องของครูพี่เลี้ยงอีกชุด สำหรับช่วงพิเศษคือช่วงหลังจากเวลา 16.30 น. ไปจนถึง 18.30 น.

พูดถึงช่วงเวลาพิเศษของที่นี่ คือหลังจากเวลา 16.30 น. แล้วนั้น ถ้าหากพ่อแม่ไม่สามารถมารับได้ ทางโรงเรียนจะมีครูพี่เลี้ยงไว้อีกชุด แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อย โดยทางเขตจะเป็นคนพิจารณาเช่นเดียวกับค่าอาหารเที่ยง คือช่วงเวลานี้ก็เหมือนกับว่าช่วยดูแลแทนพ่อแม่ที่ยังทำงานไม่เสร็จ โดยไม่ต้องไปหาที่ฝากเด็กชั่วคราวให้ยุ่งยาก ทางโรงเรียนจะมีรองรับไว้พร้อม และเด็กทุกคนจะต้องมีประกันอุบัติเหตุ โดยพ่อแม่จะต้องทำประกันอุบัติเหตุทุกครอบครัวด้วย เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของเด็กและทางโรงเรียน หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเด็กก็จะมีคนคอยรับผิดชอบเต็มที่

การไปรับ-ส่งลูก ทางโรงเรียนจะให้เรากรอกแบบฟอร์ม โดยระบุว่าใครบ้างที่มีสิทธิ์ไปรับลูกได้ ต้องใส่ชื่อไปให้ทางโรงเรียนเก็บข้อมูลนะคะ หากจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องแจ้งทางโรงเรียนก่อน ไม่สามารถทำตามใจได้ ทุกอย่างต้องมีหลักฐานทั้งหมดค่ะ

การทานอาหารเที่ยงที่โรงเรียนก็เช่นกันค่ะ ต้องแจ้งความประสงค์ไป ถ้าหากนักเรียนขาดเรียนก็ต้องจ่ายนะคะถ้าแจ้งไปแล้ว แต่ถ้ามีปัญหา เช่น ถ้าเด็กไม่สบายไม่สามารถไปโรงเรียนได้ คือมีหนังสือจากแพทย์รับรองไป ก็จะสามารถเบิกคืนได้ จะว่าไปแล้วค่าอาหารของลูกในมื้อเที่ยงก็คือ เงินที่รัฐบาลจ่ายรายเดือนของเด็กหลังจากอายุ 3 ขวบนั่นแหละค่ะ

จริงๆ แล้วทางพ่อแม่แทบจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลยค่ะ อุปกรณ์การเรียน การสอน ทางโรงเรียนมีให้หมด ยิ่งกว่านั้นเทศกาลวันพ่อ วันแม่ วันคริสมาสต์ ทางโรงเรียนยังมีของขวัญเล็กๆ ให้เด็กๆ ทำให้พ่อแม่ อีกด้วย โดยทางเขตเป็นคนจัดการทั้งหมด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับเด็กเป็นอย่างมากนั่นเองค่ะ

วันนี้คุณสั่งสอนลูกคุณหรือยัง
แล้วสอนอะไรเขาบ้าง
 
ลูกคุณโดนใครแกล้งที่โรงเรียนไหม
แล้วลูกคุณชอบแกล้งคนอื่นหรือเปล่า
 
ลูกคุณชอบปิดบังความจริงไว้
โดยที่คุณภูมิใจลึก ๆ ว่า ฉลาดหรือไม่
 
ลูกคุณรู้จักการไหว้ดีแค่ไหน
การไหว้มีกี่แบบ ทำได้ถูกต้องหรือไม่
 
ลูกคุณพูดจากับคุณสุภาพไหม
แล้วกับคนอื่นล่ะ
 
ลูกคุณใช้เงินวันละเท่าไหร่
ใช้อะไรบ้าง มีใครมาขอเงินเขาบ้าง

เด็กอนุบาล

 

 


1. สิ่งที่ เด็กอนุบาล อยากได้จาก พ่อ/แม่ คือ

อันดับที่ 1

ของขวัญ/ของเล่น เช่น ตุ๊กตา,หุ่นยนต์,รถแข่ง ฯลฯ

82.09%

อันดับที่ 2

ความรักจากพ่อ-แม่/ผู้ปกครอง

11.19%

อันดับที่ 3

ขนม/เค้กต่างๆ ฯลฯ

6.72%

2. สิ่งที่ เด็กอนุบาล อยากได้จาก ครู/อาจารย์ คือ

อันดับที่ 1

ของขวัญ/ของเล่น เช่น ตุ๊กตา,หุ่นยนต์,รถแข่ง ฯลฯ

62.50%

อันดับที่ 2

อุปกรณ์การเรียน/เครื่องเขียนต่างๆ

23.21%

อันดับที่ 3

ความรัก/ความเข้าใจของครู-อาจารย์

14.29%

3. สิ่งที่ เด็กอนุบาล อยากได้จาก สังคม คือ

อันดับที่ 1

ของขวัญ/ของเล่น เช่น ตุ๊กตา,หุ่นยนต์,รถแข่ง ฯลฯ

64.52%

อันดับที่ 2

ขนม/เค้กต่างๆ

29.03%

อันดับที่ 3

การดูแลเอาใจใส่จากผู้ใหญ่

6.45%

4. สิ่งที่ เด็กอนุบาล อยากได้จาก รัฐบาล คือ

อันดับที่ 1

ของขวัญ/ของเล่น เช่น ตุ๊กตา,หุ่นยนต์,รถแข่ง ฯลฯ

65.22%

อันดับที่ 2

ขนม/เค้กต่างๆ

26.09%

อันดับที่ 3

คอมพิวเตอร์

8.69%

5. สิ่งที่ เด็กอนุบาล ชื่นชม/ประทับใจ มากที่สุดในเมืองไทย คือ

อันดับที่ 1

สวนสัตว์ต่างๆ

61.54%

อันดับที่ 2

สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น น้ำตก,ทะเล,ภูเขา ฯลฯ

23.08%

อันดับที่ 3

พ่อ-แม่

15.38%

6. สิ่งที่ เด็กอนุบาล รู้สึกแย่ มากที่สุดในเมืองไทย คือ

อันดับที่ 1

ปัญหาการจราจร/รถติด

69.23%

อันดับที่ 2

ปัญหาสิ่งแวดล้อม/มลพิษ

30.77%

 

 

เด็กประถม

 

 

 


1. สิ่งที่ เด็กประถม อยากได้จาก พ่อ/แม่ คือ

อันดับที่ 1

ความรัก/ความอบอุ่น/ความเอาใจใส่

71.11%

อันดับที่ 2

คอมพิวเตอร์/เกมส์

20.00%

อันดับที่ 3

จักรยาน/รถมอเตอร์ไซด์

8.89%

 

2. สิ่งที่ เด็กประถม อยากได้จาก ครู/อาจารย์ คือ

อันดับที่ 1

การได้รับวิชาความรู้/การศึกษาที่ดี

56.72%

อันดับที่ 2

การสอนแบบสนุก/สอนให้เข้าใจง่าย

25.37%

อันดับที่ 3

การดูแลเอาใจใส่/ความรักความเข้าใจและการได้รับคำแนะนำดีๆ

17.91%

 

3. สิ่งที่ เด็กประถม อยากได้จาก สังคม คือ

อันดับที่ 1

อยากให้สังคมรักกันมีความสามัคคีกันมากขึ้น

63.64%

อันดับที่ 2

อยากให้ทุกครอบครัวมีความสุข

22.73%

อันดับที่ 3

อยากให้สังคมเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็ก

13.63%

 

4. สิ่งที่ เด็กประถม อยากได้จาก รัฐบาล คือ

อันดับที่ 1

ให้ช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ของคนไทย/ช่วยเหลือคนจน

50.00%

อันดับที่ 2

ทุนการศึกษา/มีทุนให้เรียนฟรี

29.55%

อันดับที่ 3

ให้ความยุติธรรมกับประชาชน

20.45%

 

5. สิ่งที่ เด็กประถม ชื่นชม/ประทับใจ มากที่สุดในเมืองไทย คือ

อันดับที่ 1

วัฒนธรรมและประเพณีของไทย

52.83%

อันดับที่ 2

สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่เป็นธรรมชาติในเมืองไทย

41.51%

อันดับที่ 3

การจัดการประชุมเอเปค

5.66%

 

6. สิ่งที่ เด็กประถม รู้สึกแย่ มากที่สุดในเมืองไทย คือ

อันดับที่ 1

ปัญหายาเสพติด

49.10%

อันดับที่ 2

ปัญหาสิ่งแวดล้อม/ขยะมูลฝอย/มลพิษทางอากาศ

30.90%

อันดับที่ 3

ปัญหาการจราจร

20.00%

 

เด็กมัธยม

 

 

 


1. สิ่งที่ เด็กมัธยม อยากได้จาก พ่อ/แม่ คือ

อันดับที่ 1

ความรัก ความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่

63.79%

อันดับที่ 2

ความเข้าใจและยอมรับฟังเหตุผลบ้าง

25.29%

อันดับที่ 3

การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว

10.92%

2. สิ่งที่ เด็กมัธยม อยากได้จาก ครู/อาจารย์ คือ

อันดับที่ 1

การดูแลเอาใจใส่/ความรักความเข้าใจและการได้รับคำแนะนำดีๆ

47.16%

อันดับที่ 2

การได้รับวิชาความรู้/การศึกษาที่ดี

35.79%

อันดับที่ 3

คะแนนดีๆ/เกรดเฉลี่ยดีๆ

17.05%

3. สิ่งที่ เด็กมัธยม อยากได้จาก สังคม คือ

อันดับที่ 1

ความเข้าใจ/ความเสมอภาค/การยอมรับจากสังคม

39.13%

อันดับที่ 2

การให้โอกาส/ความมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน/ความสามัคคี

33.70%

อันดับที่ 3

ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมรวมถึงความปลอดภัยในสังคม

27.17%

4. สิ่งที่ เด็กมัธยม อยากได้จาก รัฐบาล คือ

อันดับที่ 1

การดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาล/ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

38.89%

อันดับที่ 2

ทุนการศึกษา/มีทุนให้เรียนฟรี

33.34%

อันดับที่ 3

แก้ไขปัญหายาเสพติด/อาชญากรรมให้ต่อเนื่องและจริงจัง

27.77%

5. สิ่งที่ เด็กมัธยม ชื่นชม/ประทับใจ มากที่สุดในเมืองไทย คือ

อันดับที่ 1

สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่เป็นธรรมชาติในเมืองไทย

54.25%

อันดับที่ 2

ความมีน้ำใจและรอยยิ้มของคนไทย

24.58%

อันดับที่ 3

วัฒนธรรมและประเพณีของไทย

21.18%

6. สิ่งที่ เด็กมัธยม รู้สึกแย่ มากที่สุดในเมืองไทย คือ

อันดับที่ 1

ปัญหาสังคมต่างๆ เช่น อาชญากรรม/ยาเสพติด/มิจฉาชีพในสังคมไทย

49.65%

อันดับที่ 2

ความเห็นแก่ตัวของคนในสังคม/ความไม่มีน้ำใจของคนไทยสมัยนี้

29.66%

อันดับที่ 3

ปัญหาสิ่งแวดล้อม/ขยะมูลฝอย/มลพิษทางอากาศ

20.69%

สวนดุสิตโพล