โรงเรียนอนุบาลที่นี่จะเป็นของรัฐเกือบทั้งหมด
จะมีเอกชนบ้างประปรายประมาณ
10-20% เท่านั้นซึ่งไม่ค่อยอยู่ในความสนใจของผู้ปกครอง
ด้วยเหตุผลที่ว่า โรงเรียนของรัฐก็มีประสิทธิภาพมากเพียงพอสำหรับเด็กแล้ว
และที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย
เรียนฟรีค่ะ
ฝรั่งเศสกำหนดเกณฑ์อายุสำหรับเด็กที่จะเข้าอนุบาลไว้ที่
3 ขวบ แต่ก่อนส่งลูกเข้าเรียนหนึ่งปี
(หมายถึงตอนลูกอายุ 2
ขวบ) คุณพ่อหรือคุณแม่
จะต้องไปติดต่อที่อำเภอ/เขต
ฝ่ายการศึกษา เพื่อลงรายชื่อสมัครเรียนก่อนค่ะ

โดยเตรียมเอกสาร สูติบัตร
และทะเบียนบ้านไป เพื่อทางเขตจะได้ดูว่าบ้านอยู่ใกล้กับโรงเรียนอะไรมากที่สุด
ที่นี่จะเน้นความสะดวกให้กับพ่อแม่ที่จะต้องส่งลูกตอนเช้า
เจ้าหน้าที่จะเลือกโรงเรียนที่เดินไม่เกิน
10 นาทีโดยประมาณ
เมื่อไปลงชื่อไว้แล้วถึงปีที่ต้องเข้าเรียน
จะมีหนังสือจากทางเขตแจ้งมาอีกครั้ง
เพื่อยืนยันที่นั่งและให้เตรียมความพร้อมสำหรับเด็กที่จะเข้าเรียนระดับอนุบาล
ถึงแม้จะทราบล่วงหน้าว่ามีที่นั่งแน่นอน
แต่ทุกอย่างต้องมีหลักฐานยืนยันนะคะ
เพราะที่นี่ให้ความสำคัญกับเอกสารทุกชนิด
หากเกิดมีปัญหาภายหลัง
สามารถเอาผิดได้
การเตรียมความพร้อมสำหรับเด็กที่จะเข้าเรียนชั้นอนุบาลของที่นี่
หมายความว่า เด็กทุกคนจะต้องสามารถเข้าห้องน้ำเองได้
คือ ต้องฉี่-อึ ในโถส้วมได้เท่านั้น
ต้องไม่ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปไปโรงเรียนนะคะ
ถ้าหากลูกของคุณยังไม่สามารถทำเองได้
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเข้าเรียนก็ต้องสละสิทธิ์ไป
หรืออาจจะเลื่อนเข้าเรียนในเทอมต่อไปได้ถ้าพร้อม
ที่ฝรั่งเศสจะปิดเทอมเล็กๆ
บ่อยมากค่ะ เรียนไปสักเดือนครึ่งหรือสองเดือนโดยประมาณ
ก็จะปิด ประมาณ 2-3 อาทิตย์
เป็นอย่างนี้จนปิดเทอมใหญ่ก็ประมาณเดือน
กรกฎาคม-กันยายน ไปเลย
ถึงแม้ว่าจะกำหนดเกณฑ์เข้าไว้ที่อายุ
3 ขวบ ก็ไม่ได้ถือเอาเป็นเกณฑ์อายุครบบริบูรณ์เป็นเกณฑ์ตายตัว
แต่จะถือเอาปีที่เกิดเป็นหลักในการรับ
แต่หากคำนวนแล้ววันเปิดเรียนขาดไปสัก
2-3 เดือนจะครบเกณฑ์นี่เขาจะให้เข้าได้เลยค่ะ
เพราะไม่ต้องการให้เด็กเสียโอกาส
แต่ถ้าขาดมากกว่านี้อาจจะต้องให้เข้าปีถัดไป
ถ้าหากที่นั่งเต็มนะคะ
แต่ถ้าที่นั่งว่างและเด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ตามที่กล่าวมาข้างต้น
ทางเขตก็จะจัดที่นั่งให้ในปีนั้นเลย
การแต่งตัวของเด็ก
ที่นี่จะแต่งแบบอิสระ
ไม่มียูนิฟอร์มทั้งหมดทั่วประเทศ
ไม่มีการร้องเพลงชาติ
ชักธงขึ้นเสา มาถึงตรงนี้หลายท่านคงสงสัยว่า
ทำไมโรงเรียนที่ฝรั่งเศสถึงไม่มีการชักธงขึ้นเสา
และร้องเพลงชาติเหมือนเมืองไทย
เหตุผลที่อาจจะไม่ชัดเจนนัก
เป็นเพราะว่าประเทศฝรั่งเศสให้อิสระทางด้านความคิด
และมีประชาชนจากหลากหลายประเทศ
ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส
เพื่อป้องกันการแบ่งแยกความคิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ทางราชการจึงกำหนดให้การร้องเพลงชาติ
ชักธงขึ้นเสา ทำเฉพาะเพื่อพิธีการทางด้านการทหาร
และเหตุการณ์สำคัญเท่านั้น
ซึ่งอาจจะเป็นผลดีหรือไม่อย่างไรนั้น
ขอสงวนความคิดเฉพาะบุคคลไว้นะคะ
การส่งลูกเข้าเรียน
ประตูโรงเรียนจะเปิด-ปิดเป็นเวลา
คือ ระหว่าง 8.20-8.30 น. ในช่วงเช้า
หมายความว่าคุณมาเร็วก็ต้องรอ
มาช้ากว่านี้ก็เข้าไปส่งลูกถึงห้องเรียนไม่ได้
ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะพาลูกคุณไปส่งถึงห้องเรียนเอง
ในแต่ละห้องจะมีนักเรียนอยู่ระหว่าง
20-25 คนโดยประมาณ ต่อครูพี่เลี้ยง
2 คน และครูอนุบาลโดยตรงอีก
1 คน รวมเป็น 3 คน เป็นอย่างน้อยนะคะ
เด็กระดับอนุบาลจะไม่มีงานมาทำที่บ้าน
ทางโรงเรียนจะเน้นให้เด็กเข้ากลุ่มทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ
ทุกอย่างจะทำที่โรงเรียนและจบที่โรงเรียนเท่านั้น
จะมีช่วงพักเวลา 10.30 น. ก่อนทานข้าวเที่ยง
โดยทางโรงเรียนจะเตรียมผลไม้และเครื่องดื่มไว้ให้เด็ก
หรือบางครั้งทางโรงเรียนก็จะแจ้งผู้ปกครอง
หากใครต้องการจะร่วมนำผลไม้ไปให้เด็กๆ
ไว้ทานที่โรงเรียน ซึ่งแล้วแต่ความสะดวกของผู้ปกครองนะคะไม่ได้บังคับ
แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ปกครองก็จะเอาไปค่ะ
ทางโรงเรียนอาจจะทำเป็นรายชื่อว่า
ใครนำมาวันที่เท่าไหร่ตกเฉลี่ยแล้วเดือนละครั้ง
อาหารเที่ยง คือช่วง
11.30 น. บางครอบครัวไม่ต้องการให้ลูกทานข้าวที่โรงเรียน
เพราะว่าคุณแม่ว่างไม่ได้ทำงาน
ก็ยังมีเวลามารับลูกไปทานข้าวที่บ้านได้
และต้องพามาส่งในเวลา
13.30 น. ซึ่งต้องมารับส่งตามเวลาที่กำหนดเท่านั้นนะคะ
ส่วนบางครอบครัวคุณแม่ทำงาน
หรือไม่ทำงานแต่ต้องการให้ลูกทานข้าวที่โรงเรียน
ตรงนี้ค่าอาหารจะต้องจ่ายเองค่ะ
แต่การจ่ายค่าอาหารของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน
ขึ้นอยู่กับรายได้ของครอบครัว
ซึ่งทางเขตจะเป็นคนกำหนด
โดยดูจากฐานรายได้และค่าใช้จ่ายในครอบครัวเป็นเกณฑ์
และคำนวณออกมาว่าต้องจ่ายในระดับไหน
จะเห็นว่าเด็กที่นี่จะมีโอกาสและทุกอย่างที่เท่าเทียมกันทั้งหมด
สำหรับครอบครัวของแม่ปารีสเป็นครอบครัวที่คุณแม่ไม่ได้ทำงาน
แต่เลือกให้ลูกทานอาหารที่โรงเรียนด้วยเหตุผลที่ว่า
แม่ปารีสเป็นคนต่างชาติไม่ได้เติบโตมาจากเมืองนี้
อาหารการกินที่บ้านลูกๆ
ก็จะได้รสชาติในแบบฉบับของแม่คนเดียว
เพราะว่าแม่เป็นคนปรุง
ถึงแม้ว่าอาหารจะมีทั้งแบบไทยๆ
และต่างประเทศบ้างก็จริง
แต่รสชาติก็ย่อมต่างกัน
แม่ปารีสจึงเลือกที่จะให้ลูกทานที่โรงเรียน
เพื่อต้องการให้ลูกได้สัมผัสรสชาติอาหารที่หลากหลาย
เมื่อไปที่อื่นจะได้ไม่มีปัญหาในเรื่องอาหารการกิน
และได้เรียนรู้วิธีทานร่วมกับผู้อื่นซึ่งไม่ใช่คนในครอบครัว
นอกเหนือจากนั้นแม่ก็จะได้มีเวลาดูแลงานบ้านได้เต็มที่ซึ่งเป็นผลพลอยได้อีกด้วยค่ะ
เมื่อถึงเวลาทานอาหารเที่ยง
จะมีเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายสำหรับการดูแลเด็กที่โรงอาหาร
โดยครูพี่เลี้ยงจะเป็นคนส่งเด็กไปที่โรงอาหาร
ครูอนุบาลเด็กโดยตรงมีหน้าที่เตรียมวางแผนการสอนเด็กเท่านั้นค่ะ
หน้าที่แต่ละคนจะถูกแยกไว้ชัดเจนค่ะ
ครูพี่เลี้ยงมีหน้าที่ส่งเด็กและรับกลับห้องเมื่อทานข้าวเสร็จ
เพื่อเตรียมตัวนอนหลังอาหารเที่ยง
เด็กทุกคนจะต้องนอน
ตรงที่นอนของตัวเองที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้ให้
ถ้าไม่นอนก็ต้องอยู่ในความสงบไม่ส่งเสียงรบกวนคนอื่น
(แต่เด็กส่วนใหญ่ก็จะนอนเพราะทานอิ่มก็ต้องง่วง)
จะให้เด็กนอนหลังอาหารเที่ยงประมาณ
2 ชั่วโมง จากนั้นก็มาทำกิจกรรม
ซึ่งแล้วแต่ครูจะวางแผนให้เด็กทำกิจกรรมอะไร
แต่ส่วนใหญ่แล้ว ก่อนเวลากลับบ้าน
16.30 น. ถ้าฝนไม่ตกเด็กจะต้องออกไปเล่นในสนามของโรงเรียนนะคะ
ถึงเวลารับกลับประตูโรงเรียนจะเปิด-ปิดเวลา
16.20-16.30 น. หากพ่อแม่เด็กมารับช้าจากเวลานี้เล็กน้อย
เด็กก็จะไปอยู่อีกห้องของครูพี่เลี้ยงอีกชุด
สำหรับช่วงพิเศษคือช่วงหลังจากเวลา
16.30 น. ไปจนถึง 18.30 น.
พูดถึงช่วงเวลาพิเศษของที่นี่
คือหลังจากเวลา 16.30 น. แล้วนั้น
ถ้าหากพ่อแม่ไม่สามารถมารับได้
ทางโรงเรียนจะมีครูพี่เลี้ยงไว้อีกชุด
แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อย
โดยทางเขตจะเป็นคนพิจารณาเช่นเดียวกับค่าอาหารเที่ยง
คือช่วงเวลานี้ก็เหมือนกับว่าช่วยดูแลแทนพ่อแม่ที่ยังทำงานไม่เสร็จ
โดยไม่ต้องไปหาที่ฝากเด็กชั่วคราวให้ยุ่งยาก
ทางโรงเรียนจะมีรองรับไว้พร้อม
และเด็กทุกคนจะต้องมีประกันอุบัติเหตุ
โดยพ่อแม่จะต้องทำประกันอุบัติเหตุทุกครอบครัวด้วย
เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของเด็กและทางโรงเรียน
หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเด็กก็จะมีคนคอยรับผิดชอบเต็มที่
การไปรับ-ส่งลูก
ทางโรงเรียนจะให้เรากรอกแบบฟอร์ม
โดยระบุว่าใครบ้างที่มีสิทธิ์ไปรับลูกได้
ต้องใส่ชื่อไปให้ทางโรงเรียนเก็บข้อมูลนะคะ
หากจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องแจ้งทางโรงเรียนก่อน
ไม่สามารถทำตามใจได้
ทุกอย่างต้องมีหลักฐานทั้งหมดค่ะ
การทานอาหารเที่ยงที่โรงเรียนก็เช่นกันค่ะ
ต้องแจ้งความประสงค์ไป
ถ้าหากนักเรียนขาดเรียนก็ต้องจ่ายนะคะถ้าแจ้งไปแล้ว
แต่ถ้ามีปัญหา เช่น ถ้าเด็กไม่สบายไม่สามารถไปโรงเรียนได้
คือมีหนังสือจากแพทย์รับรองไป
ก็จะสามารถเบิกคืนได้
จะว่าไปแล้วค่าอาหารของลูกในมื้อเที่ยงก็คือ
เงินที่รัฐบาลจ่ายรายเดือนของเด็กหลังจากอายุ
3 ขวบนั่นแหละค่ะ
จริงๆ
แล้วทางพ่อแม่แทบจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลยค่ะ
อุปกรณ์การเรียน การสอน
ทางโรงเรียนมีให้หมด
ยิ่งกว่านั้นเทศกาลวันพ่อ
วันแม่ วันคริสมาสต์
ทางโรงเรียนยังมีของขวัญเล็กๆ
ให้เด็กๆ ทำให้พ่อแม่
อีกด้วย โดยทางเขตเป็นคนจัดการทั้งหมด
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับเด็กเป็นอย่างมากนั่นเองค่ะ