imga0444.jpg

old home
Activities
BWCS
WEBBOARD
KING&QUEEN
BWCS NEWS
Chinese Academics
ANUBAN CHILD
INFO NEWS
Programs
SPORT
Activities
Buddha Bless
Calendar Plan
Links
Contact Us
Activities

voeux2008.gif

วันตรุษจีน

เทศกาลจีนมีอยู่มากมาย ตรุษจีนเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน ในปีนี้ตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ทุกคนต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่างหยุดงาน โรงเรียนสถาบันการศึกษาต่างปิดเทอมในช่วงนี้ เป็นปิดเรียนฤดูหนาว ยกเว้นคนที่ต้องทำหน้าที่ไม่สามารถหยุดงานได้ หน่วยงานห้างร้านต่างก็หยุดงาน 3-4 วัน เมื่อใกล้วันปีใหม่จีน ผู้คนต่างก็มีการตระเตรียมงานปีใหม่ ภายในครอบครัว ทุกบ้านก็จะทำความสะอาดบ้านเรือน ผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสะอ้านสดใส ร้านค้าห้างสรรพสินค้าต่างก็เติมไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพร ในตลาดก็คราคร่ำไปด้วยผู้คน ต่างเดินไปเดินมากันขวักไขว่ ซื้อปลาบ้าง ซื้อเนื้อสัตว์บ้าง ซื้อเป็ดไก่บ้าง ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข ช่วงเทศกาลปีใหม่ เด็กๆต่างมีความสุขมาก ต่างสวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาดขนมหวาน เล่นพลุประทัดอย่างรื่นเริง

          คืนก่อนวันปีใหม่ คือวันสุดท้ายของปีนั่นเองเป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ตอนกินอาหารมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวต่างนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหาร ต่างชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว บางคนก็ดูทีวี บางคนก็ฟังเพลง บางคนก็นั่งคุยกัน บางคนก็เล่นหยอกล้อกับเด็กๆ บ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไป ชิมไปทานไป ครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ทุกคนจะตื่นแต่เช้า เยี่ยมเพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงอวยพรปีใหม่

ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน

          ประวัติของวันขึ้นปีใหม่ของจีนมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในวัฒนธรรมอื่นๆ ความปรารถนาสิ่งที่เราหวังว่าจะได้ปรับปรุง หรือที่เราคิดทำเมื่อเริ่มต้นในปีใหม่ มาถึงตอนนี้ ถ้าไม่ถูกลืมก็ถูกยัดลงกล่องใส่ตู้ปิดตายและแปะหน้าตู้ว่าไม่แน่ เอาไว้ทำปีหน้าแล้วกันอย่างไรก็ดี ความหวังก็คงยังไม่สูญไปทั้งหมดเพราะโอกาสที่สองกำลังมาถึงแล้ว กับการฉลองวันปีใหม่จีนหรือที่เรารู้จักกันว่า ตรุษจีนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ นั้นเอง

          ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีน นั้นมีมานานกว่าศตวรรษ จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูก ทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่างหน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น

          วันก่อนวันตรุษจีนนั้นเป็นวันแห่งการการรอคอยจะว่าไปถือวันที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ในบรรดาการฉลองทั้งหมดเห็นจะได้ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง และความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร และเป็นธรรมดาเสื้อผ้าที่ใส่สีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคลเป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง

          เมื่อถึงวันตรุษจีน ประเพณีตั้งแต่โบราณมาเรียกว่า อังเปา ซึ่งหมายถึง กระเป๋าแดง เป็นการที่คู่แต่งงานให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว ต่าง ออกมาเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ เริ่มจากญาติๆ แล้วต่อด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า
"Let bygones be bygones"
(อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป) ในวันตรุษนี้ อารมณ์โมโหโกรธาจะถูกลืม และไม่สนใจ การฉลองวันตรุษจีนสิ้นสุดลงในงานโคมไฟ ซึ่งฉลองโดยการร้องเพลง เต้นรำ และงานแสดงโคมไฟ ถึงแม้ว่าการฉลองวันตรุษจีน จะมีแตกต่างกันออกไปแต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การอวยพร ความสงบ และความสุขให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนทุกคน

อาหารไหว้เจ้า

          ในวันฉลองตรุษจีนอาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันไหนๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน
เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน 
สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์
          อาหารอื่นๆ รวมไปถึงปลาทั้งตัว เพื่อเป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกัน และความอุดม- สมบรูณ์ และไก่สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ก็ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว
ทางตอนใต้ของจีน จานที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ทางเหนือ หมั่นโถ และติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน
 

ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่

หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผมเพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี

วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล

บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี

การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ ถือเป็นโชคร้ายดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก

ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษเพราะเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมาแต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีน ตระหนักดีว่าการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็น ครอบครัวและเอกลักษณ์ ของตน

15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน

วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน

วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด

วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน

วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย

วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข

วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ

วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์

วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้

วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย

วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน

งานตรุษจีน ปีระกา (พ.ศ. 2548) บริเวณวงเวียนโอเดียน กรุงเทพมหานคร
งานตรุษจีน ปีระกา (พ.ศ. 2548) บริเวณวงเวียนโอเดียน กรุงเทพมหานคร
งานตรุษจีนในลอนดอน
งานตรุษจีนในลอนดอน

ตรุษจีน หรือ เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (ตัวเต็ม: 春節, ตัวย่อ: 春节, พินอิน: Chūnjíe ชุนจีเหย๋) หรือ ขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ (ตัวเต็ม: 農曆新年, ตัวย่อ: 农历新年, พินอิน: Nónglì Xīnnián หนงลี่ ซินเหนียน) และยังรู้จักกันในนาม วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก เทศกาลนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ของปีตามจันทรคติ (正月 พินอิน: zhèng yuè เจิ้งยวี่เย่) และสิ้นสุดในวันที่ 15 ซึ่งจะเป็นเทศกาลประดับโคมไฟ (ตัวเต็ม: 元宵節, ตัวย่อ: 元宵节, พินอิน: yuán xiāo jié หยวนเซียวจีเหย๋)

คืนก่อนวันตรุษจีน ตามภาษาจีนกลางเรียกว่า 除夕 (พินอิน: Chúxì ฉูซี่) หมายถึงการผลัดเปลี่ยนยามค่ำคืน

ตรุษจีน มีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ตรุษจีนถือเป็นวันหยุดที่สำคัญมากช่วงหนึ่งของชาวจีน และยังแผ่อิทธิพลไปถึงการฉลองปีใหม่ของชนชาติที่อยู่รายรอบ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เมี่ยน ม้ง มองโกเลีย เวียดนาม ทิเบต เนปาล และภูฐาน สำหรับชาวจีนที่อาศัยอยู่ต่างถิ่นกันก็จะมีประเพณีเฉลิมฉลองต่างกันไป ในประเทศไทย

วันตรุษจีนในปฏิทินสุริยคติ

ปีนักษัตร รอบ วันที่
ชวด 子 Zi 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
ฉลู 丑 Chou 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 26 มกราคม พ.ศ. 2552
ขาล 寅 Yin 28 มกราคม พ.ศ. 2541 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
เถาะ 卯 Mao 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
มะโรง 辰 Chen 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 23 มกราคม พ.ศ. 2555
มะเส็ง 巳 Si 24 มกราคม พ.ศ. 2544 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
มะเมีย 午 Wu 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 31 มกราคม พ.ศ. 2557
มะแม 未 Wei 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วอก 申 Shen 22 มกราคม พ.ศ. 2547 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ระกา 酉 You 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 28 มกราคม พ.ศ. 2560
จอ 戌 Xu 29 มกราคม พ.ศ. 2549 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
กุน 亥 Hai 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

วันตรุษจีนในประเทศไทย

ชาวไทยเชื้อสายจีนจะถือประเพณีปฏิบัติอยู่ 3 วัน คือวันจ่าย วันไหว้ และวันปีใหม่

  • วันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก คือวันก่อนวันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหารผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้ายหยุดพักผ่อนยาว ในตอนค่ำจะมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ หรือ ตี่จู๋เอี๊ย ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการะบูชาของเจ้าบ้าน หลังจากที่ได้ไหว้อัญเชิญขึ้นสวรรค์เมื่อ 4 วันที่แล้ว
  • วันไหว้ คือ วันสิ้นปี จะมีการไหว้ 3 ครั้ง คือ
    • ตอนเช้ามืดจะไหว้ ไป๊เล่าเอี๊ย เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์ 3 อย่าง (ซาแซ ได้แก่ หมูสามชั้นต้ม ไก่ เป็ด ปรับเปลี่ยนเป็นชนิดอื่นได้ หรือมากกว่านั้นได้จนเป็นเนื้อสัตว์ห้าชนิด) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง
    • ตอนสาย จะไหว้ไป๊เป้บ๊อ คือการไหว้บรรพบุรุษ พอ่แม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้ครั้งนี้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเป็นสิริมงคล และถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด จะแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว
    • ตอนบ่าย จะไหว้ ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว เครื่องไหว้จะเป็นพวกขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทับเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเป็นสิริมงคล
  • วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว หรือ วันถือ คือวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งของปี (ชิวอิก) วันนี้ ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน คือ ไป๊เจีย คือ การไปไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยนำส้มสีทองไปมอบให้ เหตุที่ให้ส้มก็เพราะออกเสียงภาษาจีนแต้จิ๋วว่า "กา" ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง เพราะฉะนั้นการให้ส้มจึงเหมือนนำโชคดีไปให้ จะมอบส้มจำนวน 4 ผล ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าของผู้ชาย เหตุที่เรียกวันนี้ว่าวันถือคือ เป็นวันที่ชาวจีนถือว่าเป็นสิริมงคล งดการทำบาป จะมีคติถือบางอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่ทวงหนี้กัน ไม่จับไม้กวาด และจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่แล้วออกเยี่ยมอวยพรและพักผ่อนนอกบ้าน เป็นต้น

เกร็ดความรู้

  • สัญลักษณ์อีกอย่างของเทศกาลนี้ คือ อั่งเปา (ซองแดง) คือ ซองแดงใส่เงินที่ผู้ใหญ่แล้วจะมอบให้ผู้น้อย และมีการแลกเปลี่ยนกันเอง หรือ หรือจะใช้คำว่า แต๊ะเอีย (ผูกเอว) ที่มาคือในสมัยก่อน เหรียญจะมีรูตรงกลาง ผู้ใหญ่จะร้อยด้วยเชือกสีแดงเป็นพวงๆ และนำมามอบให้เด็กๆ เด็กๆ ก็จะนำมาผูกเก็บไว้ที่เอว
  • ในเทศกาลนี้ ชาวจีนจะกล่าวคำ ห่ออ่วย หรอคำอวยพรภาษาจีนให้กัน หรือมีการติดห่ออ่วยไว้ตามสถานที่ต่างๆ คำที่นิยมใช้กันได้แก่
    • 新正如意 新年發財 / 新正如意 新年发财 (แต้จิ๋ว: ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ จีนกลาง: ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย) แปลว่า ขอให้ประสบโชคดี ขอให้มั่งมีปีใหม่
    • 恭喜發財 / 恭喜发财 (จีนกลาง: กงฉี่ฟาฉาย)
    • เกียฮ่อซินนี้ ซินนี้ตั้วถั่น แปลว่า สวัสดีปีใหม่ ขอให้ร่ำรวยๆ
    • อีกฝ่ายก็จะกล่าวตอบว่า ตั่งตังยู่อี่ แปลว่า ขอให้สุขสมหวังเช่นกัน

กิจกรรมสันทนาการ

 

เสียงเด็ก...ต้องฟัง

โอยยยยยยย !!!! พี่น้องครับ กำลังคิดเหมือนที่ผมคิดหรือเปล่า ??? หรือว่าวันนี้ที่ผ่านมาเป็นเพียงฝันร้ายของการศึกษาในชีวิตผม ??? ไม่ไหวแล้วครับ วิทย์เวิด ไทยเทย ไม่อ่านแล้ว ขอระบายนะครับ

เลข (คณิตศาสตร์)

1. ออกข้อสอบผิด ได้ไงครับ ??

เลขนะครับ ไม่ใช่สังคม ที่ผิดแล้วจะบอกว่า "หยวนๆ น่ะ เดี๋ยวบวกคะแนนเพิ่มให้" เลขนะครับ ข้อหนึ่งเสียเวลาคิดไม่ใช่น้อยๆ แล้วมาผิดที่ข้อง่ายๆ อีก ทำไม...อาจารย์ออกข้อสอบ ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านสามารถออกข้อสอบในระดับที่ "ยากกว่าข้อสอบทุนคิง" ได้อย่างไม่สงสารเด็ก แต่ไม่สามารถตรวจทานข้อสอบแค่ไม่กี่ข้อ ไม่ให้มีความผิดพลาดออกมาได้

เอ๊ะ...หรือว่า 2 ข้อนั้น เป็นความผิดผมครับ ?? ครับ ผมชุ่ยเองก็ได้ครับ...เหอ เหอ

2.เนื้อที่ทด นี่...แน่ใจว่า เอาไว้ให้ทดนะครับ ฉีกมาสั่งน้ำมูกยังไม่ได้ถึง 2 หยดเลยครับ ด้วยความหนาแน่นของโจทย์เลขที่สูงสุด 5 ข้อต่อหนึ่งหน้ากระดาษที่เล็กกว่าเอ 4 ผมก็ไม่ได้เขียนตัวเท่าหม้อแกงนะ...แต่ก็อีกนั่นแหละ ออกมาซะง่ายขนาดนี้ กะว่าจะให้คณิตคิดในใจเลยรึเปล่าครับ ??

คงเป็นความผิดผมอีกล่ะที่จัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่น้อยนิดไม่เป็นเอง

3.แน่ใจเหรอว่า นี่ คือข้อสอบในระบบเอนทรานซ์ที่เน้นเหลือเกินว่า ''แค่ตั้งใจเรียนในห้องเรียนก็พอแล้ว'' ไม่จริงมั้งครับ คือก็ทำเลขมาหลายสิบฉบับ แบบแบ่งบทก็ทำมาเป็นพันๆ ข้อ ไม่เห็นจะมีปีไหนที่มั่วเยอะสุด ทำไม่ทันที่สุด ขนาดนี้เลย อืม !!!

คงเป็นความผิดผมอีกล่ะมั้ง ที่ไม่ได้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ตั้งใจเรียนมา 3 ปี เกรดเลขไม่เคยได้ต่ำกว่า 4 มาเจอแบบนี้...วัยรุ่นเซ็ง !!

ได้ข่าวว่า คนออกข้อสอบเป็น "อาจารย์มัธยม" น่าจะลองออกแบบนี้เป็นข้อสอบโรงเรียนคุณนะครับ

จีพีเอ เลขโรงเรียนของคุณ คงจะน่าดูพิลึก

ใครทำเลขได้ทันทุกข้อบ้าง ยกมือหน่อย...ดิ เพราะผมเห็นแต่คนที่ได้ทุนรัฐบาล หรือคนที่เก่งจัดๆ ในห้องคิง/กิฟเลข ไม่กี่คนที่ทำได้....(เพราะปกติข้อสอบเลข คนปกติอย่างเราๆ ต้องเกือบทันบ้างแหละน่า)

อยากรู้จริงๆ ว่า ถ้าเกิดคนออกข้อสอบมาทำข้อสอบเลขฉบับนี้ ในเวลา 2 ชั่วโมง ด้วยเนื้อที่กระดาษทดเพียงเท่านี้

ด้วยความผิดพลาดของตัวข้อสอบที่มีถึง 2 จุด (หรืออาจจะมากกว่า) จะทำได้เต็มหรือเปล่าครับ ???

อังกฤษ (อาการหนักน้อยกว่าเลขหน่อยหนึ่ง)

1.ข้อสอบเตรียมที่ว่ายากแล้วนะครับ โอว...พระเจ้า เหมือนเดินออกมาจากห้องสอบโทเฟล โทเออิค ไอเอ้ว ฯลฯ

เหมือนจะชิงทุนไปอยู่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ตลอดชีวิต ปกตินี่ทำข้อสอบเอนท์เก่า เลขใช้เวลานานหรือเปล่าครับ ? (ผม 1 ชม.+10 นาทีกว่าๆ) แต่นี่ !! 10 นาทีสุดท้าย เหลือ 2 passage !!

2. ไดอะหลอก ไม่รู้เรื่อง เพิ่มมาจากแบบเก่ากว่าเท่าตัว เวียนหัว เหมือนกินยากล่อมประสาทไป 3 ขวด มีหลายข้อมากๆ ที่อ่าน choice แล้วแปลไม่ออกหมดเลย เพราะเป็นสำนวนภาษาอังกฤษหมดเลย (แค่ภาษาไทยก็จะเอาไม่รอดแล้ว) เหมือนเห็นเด็กนักเรียนเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวหัวทอง จะได้รู้ประโยคพูดในชีวิตประจำวันหมด เศร้า !!

3. โวแค็บ โอพระเจ้า...เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อนุบาล 1 ไม่นึกเลย...บัตรเลือกตั้ง 55 ถามมาได้ passage ปีนี้ ยาวมาก เยอะมากๆ (หรือผมอุปาทานไปเอง คนในห้องสอบออกกันเร็วจัง) แล้วข้อที่ถามว่า ทำไม tom แขนหักนี่.....

ผมจินตนาการไปเองอีกอะดิ ?? ที่อ่านแล้วนึกว่า พิมพ์อะไรผิดไปอ๊ะเปล่า

ยังไงก็ตาม...เอนท์ติดที่ต้องการทุกคนนะครับเพื่อนๆๆๆๆ

เด็กโง่ที่รักเธอ

ตอบ

ผู้สื่อข่าวหน้าการศึกษา "คม ชัด ลึก" รายงานว่า กรณีที่ เวบไซต์ ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา www.triamudom.com วิจารณ์ข้อสอบเอเน็ตปีนี้ว่า เนื้อหายากมาก และออกเกินหลักสูตร และข้อสอบผิดพลาด เช่น เอเน็ต วิชาคณิตศาสตร์ 2 บางข้อไม่มีคำตอบถูกต้อง และข้อสอบหลายวิชา เช่น ภาษาไทย สังคม บางข้อมีคำตอบถูกต้องมากกว่า 1 คำตอบนั้น

น.ส.ศศิธร อหิงสโก ผอ.กลุ่มรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา สกอ. กล่าวว่า วันที่ 7 มีนาคม คณะกรรมการตรวจข้อสอบจะประชุมกัน หากพบว่า ผิดพลาดจริง อาจจะให้ 1 คะแนน หรือตัดคะแนนข้อนั้นออกไป

ผลก็คือ แอ่นอกยอมรับ โจทย์ข้อสอบ "เอเน็ตคณิต 2" ผิดจริง คณะกรรมการชี้ขาดให้เด็กที่เข้าสอบทุกคนได้ฟรี 6 คะแนนแบบอัตโนมัติ

ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้เชิญกรรมการออกข้อสอบทุกวิชามาดูว่า ข้อสอบแต่ละวิชามีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง และกรรมการออกข้อสอบได้รายงานว่า การสอบเอเน็ต 11 รายวิชา มีข้อสอบที่ผิดเพียงวิชาเดียวคือ วิชาคณิตศาสตร์ 2 ที่ข้อสอบผิดจำนวน 2 ข้อ จากข้อสอบ 35 ข้อ โดยทั้งสองข้อมีการพิมพ์เนื้อความของโจทย์คำถามผิด จึงทำให้ไม่มีคำตอบ

ดังนั้น กรรมการออกข้อสอบจึงมีมติให้ตัดข้อสอบทั้งสองข้อออก แต่คะแนนในวิชาดังกล่าวเต็ม 100 คะแนน จึงจะเพิ่มคะแนนให้แก่เด็กทุกคน คนละ 6 คะแนน เนื่องจากข้อสอบที่มีปัญหามีคะแนนข้อละ 3 คะแนน

ดอกเตอร์ ให้ความเห็นว่า ในการออกข้อสอบ มีบ้างที่ผิดพลาด เป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ แต่เมื่อผิดแล้ว ต้องแก้ไข และยึดประโยชน์ของเด็กเป็นสำคัญ

ลุงแจ่ม

pic0045.jpg

pic0046.jpg

ภาพน้อง ๆ อนุบาล 2 กำลังเข้าแถว

pic0081.jpg

แสงอาทิตย์ที่สาดส่องโลก
ดุจแสงแห่งปัญญา
ที่ "บูรพา"มอบให้ศิษย์
 
โรงเรียนบูรพาวิทยา ชลบุรี

pic0093.jpg

  • แนวคิดใหม่เชื่อว่าเด็กที่มีความฉลาดทางอารมณ์ หรือมี E.Q.(Emotionnal Quotient) จะเป็นเด็กที่มีความสุข ได้มากขึ้น พ่อแม่ยุคใหม่จึงหันมาให้ความสนใจ และใส่ใจในการพัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์ของลูกมากยิ่งขึ้น
  • ศิลปะจึงเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้าง E.Q.ที่เป็นการทำงานของสมองซีกขวา ซึ่งช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ 
    มองโลกในแง่ดี มีสมาธิที่ดีขึ้น มีความภาคภูมิใจ และมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ทั้งยังเป็นการฝึกให้เด็กใช้เวลาว่าง
  • ให้เป็นประโยชน์ รวมไปถึงการ_เรียนรู้ที่จะปรับตัวในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
    หลักสูตรการสอนเด็กๆจะได้เรียนรู้
  • การวาดภาพ (Drawing)
  • การระบายสี (Painting)
  • การปั้น (Sculpture)
  • การพิมพ์ภาพ (Print Making)
  • งานประดิษฐ์สร้างสรรค์ (Creative craft) 
    โดยแบ่งเด็กออกเป็น 2 ระดับ

1. ศิลปะเด็กเล็ก อายุ 4-6 ปี
2. ศิลปะเด็กโต   อายุ 7-12 ปี

เพื่อให้เด็กได้แสดงออกถึงสิ่งที่ตนเองคิด ฝึกใช้จินตนาการ 

  • เป็นนักวางแผนที่ดี ฝึกการทำงานเป็น
  • มีสมาธิ ฝึกความประณีตในการทำงาน 
  • มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าแสดงออก
  • ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข 
  • ฝึกฝนให้เด็กมีความสามารถทางอารมณ์
  • มีผลทำให้การทำงานของ IQ และ EQ ทำงานร่วม กันอย่างสมดุลย์

 CAI ช่วยสอน คลื๊กที่นี่

คุณครูไทย  คลิ๊กที่นี่

การศึกษาแบบออนไลน์ คลิ๊กที่นี่

ฝรั่งสอนศิลปะเพื่อเด็ก ๆ คลิ๊กที่นี่

แหล่งเรียนรู้แบบออนไลน์ คลิ๊กที่นี่


 

คำคมจากกูรูด้านต่าง ๆ (กูรู/Guru=ผู้เชี่ยวชาญรู้จริงถึงแก่น)

  • หากจัดการศึกษาที่ทำให้เด็กเกิดความตึงเครียด ตื่นเต้น เกร็ง มีการแข่งขันเอาแพ้ชนะกันสูง จะเป็นการสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์เด็กในโอกาสต่อมา
    (สุภาษิตจีน)
  • การศึกษาโดยไม่มีความคิดเป็นของไร้ประโยชน์ มีความคิดแต่ไม่มีการศึกษาเป็นของอันตราย
    (ขงจื้อ)
  • การศึกษาต้องเริ่มต้นด้วยความสำคัญของนักเรียน และจบลงด้วยความสำคัญของนักเรียน (ป๋วย อึ้งภากรณ์)
  • ไม่ว่าจะเรียนที่โรงเรียนไหน ๆ จะเลือกเป็นอะไรก็เป็นได้ ถ้าพบครูที่ดีมีน้ำใจ และตนเองใฝ่ใจที่จะทำความดี
    (พล.ต.จำลอง ศรีเมือง)
  • สังคมใดครูเสื่อมจากสภาพความเป็นกัลยาณมิตรและความเป็นปูชนียบุคคล สังคมนั้นพึงถึงซึ่งหายนะ
    (ศ.นพ.ประเวศ วะสี)
  • วัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักศึกษา และแสวงหาวิชาความรู้นั้น อยู่ที่การสร้างความประพฤติอันดีงามให้แก่ตน
    (มหาตมะ คานธี)
  • มนุษย์เราในโลกปัจจุบันนี้มีการศึกษาแต่เพียงสองอย่าง คือรู้หนังสือ รู้อาชีพ ขาดอย่างที่สามคือ การศึกษาที่ทำให้เป็นมนุษย์กันอย่างถูกต้อง
    (พุทธทาสภิกขุ)
  • ความรู้คือสิ่งที่ตายไปแล้ว แต่โรงเรียนมีหน้าที่รับใช้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ โรงเรียนควรจะช่วยพัฒนาเยาวชนแต่ละคนให้มีคุณภาพและความสามารถ
    (อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์)
  • เรารู้ว่าเขาเก่งหรือไม่จากคำตอบของเขา แต่เรารู้ว่าเขาฉลาดหลักแหลมหรือไม่จากคำถามของเขา
    (สุภาษิตฝรั่งเศส)
  • ก่อนที่เราจะเรียนรู้อะไร เราจะต้องสนใจใคร่รู้ในสิ่งนั้นเสียก่อน การเรียนรู้ก็คือการเล่นกับแนวคิด และสิ่งที่เป็นวัตถุ การมีอิสระที่จะเลือกในสิ่งที่อยากรู้จึงมีความสำคัญ(ชัยอนันต์ สมุทวณิช)
  • การจะทำให้การศึกษาสนองตอบต่อชีวิตของผู้เรียนได้นั้น จำเป็นที่ต้องคืนการศึกษาแก่ประชาชน รัฐควรจะลดบทบาทของตนในการจัดและควบคุมการศึกษาลงไปกว่านี้ให้มาก
    (นิธิ เอียวศรีวงศ์)
  • การศึกษาในที่นี้ ข้าพเจ้าไม่ได้หมายความเฉพาะการเรียนในโรงเรียนหรือการเรียนหนังสือเท่านั้น แต่หมายความไปถึงการฝึกฝนอบรมให้เด็ก ๆ รู้จักคิดด้วยใช้ปัญญาอันมีเร้นเป็นพลังอำนาจทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ในตนให้เกิดเป็นความเจริญ คลี่คลาย มีนิสัยไปในทางดีงาม
    (พระยาอนุมานราชธน)
  • อีก 10 - 20 ปี เด็กไทยไม่ว่าในการศึกษาระดับใด เวลาที่เขามาห้องเรียน เขาจะมาเพื่อโต้ตอบกับครู มาสนทนากับครูเท่านั้น แต่ในแง่เนื้อหาวิชาความรู้ เขาสามารถได้มาจากสื่อที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ(ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร)
  • การศึกษาควรจะช่วยให้นักเรียนสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ พร้อม ๆ กับการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม สิ่งที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้มากคือ การฝึกให้เขารู้จักปกครองตนเอง(เอ.เอส.นีลล์)
  • สิ่งที่คนคนหนึ่งควรรีบเร่งเรียนรู้เป็นอันดับแรกคือ สิ่งที่เขายังทำไม่ได้และนำไปใช้ให้ประโยชน์ได้ ไม่ใช่พยายามเรียนรู้ไปหมดทุกอย่าง(อีวาน อิสลิช)
  • คนที่ได้รับการศึกษาควรเป็นผู้ที่สนใจในด้านความงอกงามของสติปัญญาในทุก ๆ ทาง
    (ส.ศิวรักษ์)
  • ควรเลือกหาหนังสือที่จะให้ความรู้ ไม่ควรอ่านหนังสือที่จะกลายเป็นยาพิษเพื่อเมาตัวเราเอง
    (หลวงวิจิตรวาทการ)

photostog585677.jpg